6 นิสัยพาจน ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเคยชิน ไม่เคยพิจารณาตัวเอง

[Cindy700]

"ความจน" เป็นเรื่องใกล้ตัวมากยิ่งกว่าที่คุณคิด เมื่อต้นปี 2015 หน่วยงานต้านทานความย า กจนกระทั่ง "อ๊อกเฟม" ได้เผยแพร่ข้อมูลในเมืองดาวอส สำหรับการสัมมนา เวิล์ด อีโคโนมิค ฟอรัม พูดว่า ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 1% เป็นเจ้าของความมั่งคั่งสูงถึง 48% ของความมั่งคั่งบนโลก แล้วคุณคิดว่า! ในประเทศไทย

คนมั่งมีที่สุดจะครอบครองความมั่งคั่งไปเท่าไร? แล้วจะเหลือพื้นที่กี่เปอร์เซ็นต์ไว้ให้คุณ วันนี้! ถ้าคุณยังไม่ตื่นตัวปรับปรุงตัวเอง ก็เท่ากับคุณกำลังก้าวลงสู่ความอัตคัดไปทุกวัน


และเปอร์เซ็นต์ความรวยของคุณก็จะยิ่งถูกคนรวยขย า ยอาณารอบๆไปเรื่อยๆมาดู 6 ข้อนี้ที่จะทำให้คุณยิ่งกระทั่งลง ถ้าหากยังคงทำอยู่ในทุกวันของชีวิตแล้วก็ควรรีบแก้ไขโดยด่วน!

1. ดำเนินชีวิตเกินค่ายังชีพ

คนไม่ใช่น้อยดำเนินชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่าย อีกทั้งซื้อตามที่ใจต้องการ ซื้ อ ของที่อย า กได้ หรือแม้กระทั้งยอมเป็นหนี้เป็นสินบัตรเครดิต เพียงแต่เพื่อต้องการซื้ อ ข้าวของที่ไม่สำคัญมาเสริมแต่งชีวิตคุณให้ดูดี รวมทั้ง "มองมี" เหมือนผู้อื่น บุคคลอื่นที่ว่าอาจทำเป็น เพราะว่าสถานะทางการเงินของเขาอาจมั่นคงหรือพร้อมกว่า แม้กระนั้นการใช้เงิน "เกินค่ายังชีพที่ต้อง"

ดังเช่นว่า กาแฟแก้วละ 35-40 บาท กับ กาแฟแก้วละ 100-170 บาท ราคากาแฟแก้วละเยอะแค่ไหน? ที่คุณรู้สึกว่าซื้ อ ง่ายจ่ายพอใจได้ทั้งเดือน นั่นเป็นราคากาแฟที่เหมาะสมกับค่าครองชีพที่คุณแบกรับไหว หากรู้สึกว่าหนักใจที่จะจ่ายแต่ว่าอย า กซื้ อ โน่นคือสัญญาณอั น ต ร า ยทางการเงินที่คุณกำลังใช้เกินตัวอยู่

2. หนักไม่เอา ค่อยไม่สู้

"ความขาดแคลน" น่าขนลุกกว่าที่คุณคิด หากคุณลองถามมหาเศรษฐีทุกคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ แต่ขยันทำมาหากิน ปรับปรุงตนเอง และกล้าก้าวข้ามความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าตราบจนกระทั่งก่อร่างสร้างตัวจนกระทั่งมั่งมี

เขาเหล่านั้นจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่อย า กกลับไปจนถึงอีก" แม้กระนั้นสำหรับผู้คนจำนวนมากที่ยังเป็นพนักงานประจำ หรือ เพิ่งจะเริ่มธุรกิจส่วนตัว แม้กระนั้นยังไม่สู้งานหนัก


ไม่พร้อมกลับบ้ า นดึกดื่น หรือเดินหนีปัญหาที่อยู่เบื้องหน้าที่ควรรับผิดชอบ ก็คงจะย า กที่จะปรับปรุงไปสู่ความร่ำรวยทางการเงิน เพราะว่านาทีทองมาพร้อมหย า ดเหงื่อเสมอ

3. ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่มีวินัย ชิลไปวันๆ

สโลว์ไลฟ์ เป็นชีวิตชั้นสูง ที่คนที่มีฐานะทางด้านการเงินพรั่งพร้อมแค่นั้น ก็เลยจะพร้อมสำหรับในการนั่งจิบกาแฟเรื่อยท่องเที่ยวแบบไม่รีบร้อน บินท่องเที่ยวเมื่ออย า กไป ใช้เงินซื้ อ ความสบายสบายเท่าที่สุขใจ แต่มาก่อน คุณยังเป็นหนี้ คุณยังไม่มีการคลังป้อมปราการคงจะ คุณยังไม่มีความสะดวกมือสำหรับเพื่อการซื้อ

เพราะคุณยังไม่มีระเบียบด้านการเงินที่ดีและก็รัดกุม ที่สำคัญ! คุณยังดำเนินการและก็คิดเงินแบบผัดวันประกันพรุ่งอีกด้วย การเรียบเรียงชีวิตใหม่ จัดลำดับความสำคัญ 1 2 3 ว่าแผนการที่คุณอยากในชีวิตคืออะไร จะมีผลให้คุณวางแผน ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง รวมทั้งสร้างระเบียบให้กับชีวิตที่อยากได้ได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว

4. ไม่อาจจะปฏิบัติงานร่วมกับคนอื่นๆ

"ไม่มีใครสามารถปฏิบัติงานผู้เดียวได้" แม้กระทั้งอาชีพฟรีแลนซ์ ก็ยังควรมีคอนเน็คชั่นเพื่อสร้างงานคุณภาพให้บรรลุผลสำเร็จ เมื่อคุณจะต้องดำเนินงานร่วมกับผู้อื่นในกลุ่ม สิ่งจำเป็นไม่ใช่ผลงานที่เผชิญความเร็จตามเป้า

แต่ว่าคือสมรรถนะสำหรับการติดต่อประสานงานให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดจากที่ตั้งเป้าหมายไว้ หลายท่านพลาดโอกาสสำคัญสำหรับในการดีขึ้นหรือเลื่อนขั้นงาน เนื่องจากว่าไม่สามารถที่จะความเกี่ยวข้องกับผู้มาร่วมงานคนอื่นได้


ก็เลยทำให้ประธานมีความเห็นว่าคุณยังไม่เหมาะสมจะเลื่อนตำแหน่ง หรือ แม้คุณทำธุรกิจอยู่ ก็คงติดขัดอย่างแน่แท้ หากต้องร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์เพื่อขย า ยธุรกิจ แต่ว่าคุณกลับทำตัวเป็นพระเอกอยู่ตามลำพังคนเดียว รวมทั้งท่องเที่ยวบอกใครๆว่าคุณดำเนินการนี้เสร็จถึงแม้ว่าสำเร็จจากการทำงานด้วยกันของคณะทำงาน

5. กลัวการตั้งความมุ่งหมายในชีวิต

การพุ่งชนจุดมุ่งหมาย บางทีอาจเกิดเรื่องน่าสะพรึงกลัวสำหรับบางคน ดังเช่นว่า ผู้ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะ "ปลดหนี้สิน" แม้กระนั้นกลัวการเห็นเงินในบัญชีพร่องลงจากการใช้หนี้ตรงตรงเวลา หรือเปล่ามีวินัยสำหรับเพื่อการปลดหนี้ จึงทำให้เลี่ยงการจ่ายและชำระหนี้ จนกระทั่งเป็นเหตุให้จะต้องแบกรับภาระด อ ก เ บี้ ยที่มากขึ้น หรือบางคนตั้งความมุ่งหมายว่าจะคิดบัญชี 10-20% จากค่าจ้างรายเดือนบ่อยๆ

แต่กลับถอดใจเนื่องจากว่าเห็นสินค้าที่ถูกใจกำลังลดราคากระหน่ำ ทำให้จำเป็นต้องควักเงินในกระเป๋าซื้ อ มาจนได้รวมทั้งแผนการที่อย า กคิดบัญชีก็เลยล้มเหลวไม่เป็นท่า ความล้มเหลวที่คนเหล่านี้เจอคือ "ความหวาดกลัวเป้าหมายที่ตนอย า กทำ" หรือ ไม่กล้ามีเป้าหมาย ด้วยเหตุว่ากลัวทำไม่ได้ ก็เลยเป็นปัญหาที่มีความสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของคุณพังและไม่สามารถหลุดพ้นความขาดแคลนได้สักครั้ง

6. คิดมากจนก้าวสู่ความขี้กลาดตาขาว

คนคิดมากกับคนรอบคอบนั้นต่างกัน คนคิดมากจะไม่ลำดับข้อมูลที่ควรที่จะนำมาไตร่ตรอง แต่ว่าจะนำทุกปัญหามารวมกันกระทั่งทำให้ไม่เห็นทางออก แม้กระนั้นคนที่คิดรอบคอบจะคิดเป็นเรื่องๆแล้วก็ลำดับความสำคัญว่าเรื่องใดควรมาก่อนมาหลัง ทำให้คิดเป็นแนวทางการและได้คำตอบในแต่ละปัญหาอย่างเร็ว ซึ่งคนชนิดที่คิดมากเมื่อทำธุรกิจ

จะไม่กล้าวางแผนในการต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างกำไร เพราะเหตุว่ากลัวความผิดพลาด ทำให้เสียโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต หรือ ผู้ที่คิดมากเมื่อปฏิบัติงานเป็นพนักงานประจำ จะกลัวการเสนอความคิดเห็น หรือ


ไม่กล้าที่จะดำเนินการย า กๆเพื่อปรับปรุงตัวเอง ซึ่งเป็นเพราะว่าการคิดทบทวนโดยใช้ทุกความคิดมารวมกัน จนกระทั่งแปลงเป็นความไม่ค่อยสบายใจ หรือ ขย า ยจนถึงเป็นความขี้กลาดตาขาว ที่จะรับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้น แม้ว่าจังหวะมาอยู่เบื้องหน้า
ความจน
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13475/