• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Panitsupa, April 05, 2023, 08:42:31 AM

Previous topic - Next topic

Panitsupa

1. เพราะเหตุว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อดำเนินงานอย่ างเดียว

พวกเราไม่ได้ดำเนินงานแล้วแฮปปี้ทุกวี่ทุกวัน หลายคราวที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าหากเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราถูกใจจะมีผลให้ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น และ เพิ่มความมั่นใจ เพราะว่าการเฟลจากที่ทำงานส่วนใหญ่มักทำให้เราเสียกำลังใจ และขาดความมั่นใจในตนเอง ส่วนตัวเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน แล้วก็ อีกเยอะมาก


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามาก เอาจริงเอาจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในเวลานี้ดำเนินงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งถึงตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับพนักงานประจำตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่เราเคารพยำเกรงที่สุดในสถานที่ทำงานก็น่าจะหนีไม่พ้นนายจ้าง คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำการทำงาน คอยสั่งคนโน่นหนคนนี้หน แม้กระนั้นพอใช้มองดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าเกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายไม่ได้ไง ทำไมน่ะหรอ นอกจากจะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะพาลกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


หากให้เสนอแนะก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดียิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็ไม่เหมือนกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าคิดว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองในมุมที่ว่าถ้าหากพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่แห่งไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากดำเนินงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเช่นกันนั่นแหละ แต่ว่าแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกดู

แค่เรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำต้องเอางานเราไปนำเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มาก เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเหลือเกินในโลกอินเตอร์เน็ต

คนจำนวนไม่น้อยมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่รู้รึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกเหนือจากการที่จะดู resume พวกเราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนฝูงพวกเราที่เป็น HR การันตีมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของพวกเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มกำลัง เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราคือไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือถ้าเกิดจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหากหัวหน้ามาเห็นก็ไม่เป็นไร


ถ้าหากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณพด้วย เนื่องจากว่า ส่วนใหญ่คนภายในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่สำหรับทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่ ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ทางวิ่งของเรา พอใจ เอาใจใส่ แต่... อย่ าเก็บทางวิ่งผู้อื่นมาริษยา

ช่วงปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เพื่อนฝูงพวกเราผู้คนจำนวนมากเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าตอบแทนรายเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตนเอง บางครั้งบางคราวพวกเราเลื่อนมองหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากยิ่งกว่าพวกเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนฝูงหลายๆคนอาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของเรา ทราบว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าจุดหมายปลายทางพวกเราอยากได้อะไร รู้ดีว่าวันนี้เราปฏิบัติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองทางวิ่งบุคคลอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเรามุ่งมั่นกับชีวิตมากยิ่งขึ้น แต่อย่ าเก็บมาตั้งใจจนกระทั่งเป็นทุกข์พอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แปลว่า ให้เราไม่ต้องจิรงใจกับใคร แม้กระนั้น... แปลว่า " เราไม่ใฝ่ใจฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากๆ) ส่วนใหญ่ปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่เล่นเค้าไว้เยอะแยะนี่ห้ามเสียทีเลยนะ มีคนรอคอยซ้ำมากมายเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้พูดว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชื่นชอบ

โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้พวกเราเหนือกว่ามากๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่รู้จักหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปปฏิบัติงานกับคนใดกันแน่ ฉะนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต บางทีอาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้พวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับเพื่อการดำเนินการสุดๆแต่เชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านช่วงแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะเสนอแนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม พวกเราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย ากถามอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันแย่ก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกหัดไปเรื่อยๆโดนด่าทอเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 มาก แม้ว่าจะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนมากพร้อมจะให้อภัยเราเสมอ โดยเหตุนี้ ล้มเหลวจำนวนมากเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามผิดแผกแตกต่างระหว่าง " สหาย " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็น่าจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และการหาเพื่อนในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าไร พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นแค่นั้น และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงที่จริงดวงใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากมากแค่ไหน


นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างเราเป็นไปดำเนินงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนฝูง ด้วยเหตุนั้นวันๆเราจึงจะพบแค่สหายร่วมทีม ซึ่งโดยมากแล้วก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนบุคคลแล้วก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และสหายร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างนี้ เรามีความคิดว่ามันคือผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ

พูดคุยแลกความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตัวเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบสหายจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " สหายร่วมงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม แล้วก็การหาเพื่อนในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไร เราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นแค่นั้น

และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่จริงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากขนาดไหน นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างเราเป็นไปดำเนินการ ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อน ด้วยเหตุนี้วันๆพวกเราจึงจะเจอแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งจำนวนมากแล้วก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งสหายร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ พวกเรามีความคิดว่ามันคือผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเห็น สนทนาแลกความเซ็งก็ดี ให้พวกเราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าหากพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าหากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าหากอย ากบรรลุผลสำเร็จ และก็ มีความสุข ต้องเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ กล่าวง่ายแต่ว่าทำย ากนะ เพราะลูกจ้างมืออาชีพก็คือผู้ที่ใส่ใจได้ว่า " พวกเราถูกจ้างมาด้วยเงินเดือนปริมาณหนึ่ง " ซึ่งก็นับได้ว่าบริษัทเค้าอยากได้อะไรบางอย่ างจากเราแลกเปลี่ยนกับค่าจ้างนั้นๆ

พวกเราจำเป็นต้องทราบดีว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร แล้วก็ ทำมันให้ดีมากยิ่งกว่าที่บริษัทคาดหวังหากอยากความรุ่งเรืองในหน้าที่ แม้งานที่ทำอยู่มีความรู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


ควรจะหางานที่พวกเราทำแล้วเราเป็นสุขและก็ทำได้ดีเพื่อดึงสมรรถนะของตนออกมาให้เยอะที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังทำให้พวกเราปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าผู้อื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากท้ายที่สุดเราเจอสายอาชีพที่พวกเรารักและอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงงานปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าแรงจนถึงเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ควรมีคำตอบที่ดีตามออกมาด้วย ดังเช่นว่าได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองด้านหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ เวลานี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกวี่ทุกวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าหากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกกับความสบายของบิดามารดา
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/